บทที่ 1
เรียนภาษาไทย ม.ต้น ที่นี่ครับ
ม.ต้น ควรรู้ความสำคัญของภาษาไทย เป็นประการแรกแห่งการเรียนรู้ เรียนภาษาไทยในคอมกับครูปิยะฤกษ์ในห้อง ม.ต้น วันนี้ ขอนำนักเรียนเข้าสู่บทเรียนเรื่อง “ความสำคัญของภาษาไทยและภาษาไทย : ภาษาถิ่นอีสานครับ)
ความสำคัญของภาษาไทย
พ่อขุนรามคำเเหงได้ประดิษฐ์อักษรไทยขึ้น เมื่อปี พศ 1826 (คศ1283) มี พยัญชนะ 44 ตัว (21 เสียง), สระ 21 รูป (21 เสียง), วรรณยุกต์ 5 เสียง คือ เสียง สามัญ เอก โท ตรี จัตวา ภาษาไทยดัดเเปลงมาจากบาลี เเละ สันสกฤต
คน ไทยเป็นผู้ที่โชคดีที่มีภาษาของตนเอง เเละมีอักษรไทย เป็นตัวอักษร ประจำชาติ อันเป็นมรดกล้ำค่าที่บรรพบุรุษได้สร้างไว้ ซึ่งเป็นเครื่องเเสดงว่าไทยเราเป็นชาติที่มีวัฒนธรรมสูงส่งมาเเต่โบราณกาล เเละยั่งยืนมาจนปัจจุบัน คนไทยผู้เป็นเจ้าของภาษา ควรภาคภูมิใจที่ชาติไทยใช้ภาษาไทย เป็นภาษาประจำชาติมากว่า 700 ปีเเล้ว เเละจะยั่งยืนตลอดไป ถ้าทุกคนตระหนักในความสำคัญของภาษาไทย
ภาษาเป็น วัฒนธรรมที่สำคัญของชาติ ภาษาเป็นสื่อใช้ติดต่อกันเเละทำให้วัฒนธรรมอื่นๆเจริญขึ้น เเต่ละภาษามีระเบียบของตนเเล้วเเต่จะตกลงกันในหมู่ชนชาตินั้น ภาษาจึงเป็นศูนย์กลางยืดคนทั้งชาติ ดังข้อความ ตอนหนึ่งในพระราชนิพนธ์ในพระบาท สมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว เรื่อง “ความเป็นชาติโดยเเท้จริง” ว่า ภาษาเป็นเครื่องผูกพันมนุษย์ต่อมนุษย์เเน่นเเฟ้นกว่าสิ่งอื่น เเละไม่มีสิ่งใด ที่จะทำให้คนรู้สึกเป็นพวกเดียวกันหรือเเน่นอนยิ่งไปกว่าภาษาเดียวกัน รัฐบาลทั้งปวงย่อมรู้สึกในข้อนี้อยู่ดี เพราะฉะนั้น รัฐบาลใดที่ต้องปกครองคนต่างชาติต่างภาษา จึงต้องพยายามตั้งโรงเรียนเเละออกบัญญัติบังคับ ให้ชนต่างภาษาเรียนภาษาของผู้ปกครอง เเต่ความคิดเห็นเช่นนี้ จะสำเร็จตามปรารถนาของรัฐบาลเสมอก็หามิได้ เเต่ถ้ายังจัดการเเปลง ภาษาไม่สำเร็จอยู่ตราบใด ก็เเปลว่า ผู้พูดภาษากับผู้ปกครองนั้นยังไม่เชื่ออยู่ตราบนั้น เเละยังจะเรียกว่าเป็นชาติเดียวกันกับมหาชนพื้นเมืองไม่ได้ อยู่ตราบนั้น ภาษาเป็นสิ่งซึ่งฝังอยู่ในใจมนุษย์เเน่นเเฟ้นยิ่งกว่าสิ่งอื่น”
ดังนั้นภาษาก็เปรียบได้กับรั้วของชาติ ถ้าชนชาติใดรักษาภาษาของตนไว้ได้ดี ให้บริสุทธิ์ ก็จะได้ชื่อว่า รักษาความเป็นชาติ
คน ไทยทุกคนใช้ภาษาไทยเป็นสื่อความรู้สึกนึกคิดเท่านั้นยังไม่เพียงพอ ควรจะรักษาระเบียบความงดงามของภาษา ซึ่งเเสดงวัฒนธรรม เเละ เอกลักษณ์ประจำชาติไว้อีกด้วย ดัง พระราชดำรัส สมเด็จพระเทพ รัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ตอนหนึ่งว่า
“ภาษานอกจากจะเป็นเครื่องสื่อสารเเสด งความรู้สึกนึกคิดของคนทั่วโลก เเล้ว ยังเป็นเครื่องเเสดงให้เห็นวัฒนธรรม อารยธรรม เเละเอกลักษณ์ ประจำชาติอีกด้วย ไทยเป็นประเทศซึ่งมีขนบประเพณี ศิลปกรรมเเละภาษา ซึ่งเจริญรุ่งเรืองมาแต่อดีตกาล เราผู้เป็นอนุชนจึงควรภูมิใจ ช่วยกัน ผดุงรักษามรดกทางวัฒนธรรมอันเป็นทรัพย์สินทางปัญญาที่บรรพบุรุษได้ อุตส่าห์สร้่างสรรค์ขึ้นไว้ให้เจริญสืบไป ”
ภาษาไทย : ภาษาถิ่นอีสาน
อ๊ะ อ๊ะ มาสู่ภาษาถิ่นอีสานที่นักเรียนหลาย ๆ คนในแถบอีสานพูดกันเสียจนติดปากกัน แต่พอได้ไปพูดกับเพื่อน ๆ ภาคกลางหรือสื่อความหมายเวลาพูดภาษากลางให้ครูฟังแล้วครูไม่เข้าใจในความหมาย (ครูที่มาจากภาคกลาง) แต่วันนี้ครูปิยะฤกษ์ (ครูแบงก์) ขอนำนักเรียนเข้าสู่บทเรียนภาษาไทย : ภาษาถิ่นอีสาน กันเลยนะครับ จะได้เรียนรู้เพื่อลดช่องว่างระหว่างวัฒนธรรมด้านภาษาเพื่อการสื่อความหมายให้เข้าใจตรงกัน นักเรียนหรือคุณครูที่อยู่ภาคอื่น ๆ ก็เรียนรู้ไม่ไม่เสียหลายครับ (แหม้นบ่????????)
คำภาษาถิ่น
|
คำเรียก (ไทยกลาง)
|
ความหมาย
|
หำบักมี่ | ส่าขนุน ดอกตัวผู้ (ขนุนหนัง) | หรือเรียกว่า “ ส่า ” นำมาสุมแทรกใส่น้ำปูนใส ทาลิ้นเด็ก |
บักเค็ง | เขลง | บางแห่งเรียก หมากเค็ง นางดำ หยี ชื่อวิทยาศาสตร์: Dialium cochinchinense pierre ชื่อวงศ์: LEGUMINOSAE-CAESALPINIOIDEAE ไม้ยืนต้น ผลดิบต้มน้ำดื่มแก้ร้อนในผลสุกและดิบรับประทานได้ |
บักหวดข่า/บักหวด | หว้า | ใต้เรียก “กำชำ” โคราชเรียก “มะหวด” บางแห่งเรียก “ห้าขี้แพะ” ชื่อสามัญ Bo Tree, Sacred Fig Tree, Pipal Tree, peepul tree ชื่อวิทยาศาสตร์ Syzygium cumini (L.) Skeels วงศ์ BORAGINACEAE |
บักผีผ่วน | นมแมว, | เป็นผลไม้ป่าหายาก รสชาติ หวาน ๆ นำ เปรี้ยวนิด ๆ ออกผลปีละครั้ง ถิ่นโคราช เรียก นมวัว/นมงัว วงศ์ : Annonaceae นมแมว(ภาษากลาง) นมวัว (พิษณุโลก กระบี่) พีพวน (อุดร) บุหงาใหญ่(ภาคเหนือ) ชื่อวิทยาศาสตร์: Uvaria rufa Bl. วงศ์: Annonaceae ไม้เถา การใช้ประโยชน์/ส่วนที่นำไปใช้ประโยชน์:แก่นและราก ต้มดื่ม แก้ไข้ซ้ำ ไข้กลับ เนื่องจากกินของแสลง ราก แก้ผอมแห้งแรงน้อย สำหรับสตรี ที่อยู่ไฟไม่ได้หลังคลอดบุตรและช่วยบำรุงน้ำนม ผล ตำผสมกับน้ำ ทาแก้เม็ดผดผื่นคัน |
ก้นคก | นมควาย, ตับเต่าน้อย, กล้วยเต่า | บางแห่งเรียก “ก้นคก สกคก ปกคก” ชื่อวิทยาศาสตร์ : Polylthia debilis Finet & Gagnep. |
ผักสะแงะ (๑) | ผักชีไร่/สะระแหน่ | อีสานเหนือ ภูไท เรียก แซะแงะ/สะแงะ เชียงใหม่เรียกว่า หอมแย่ |
ผักสะแงะ (๒) | สะระแหน่ | อีสานใต้ เรียก สะแงะ ผักอีเสิม หอมแมว (โคราช) |
แมงแคง | มวนลำไย | ชื่อวิทยาศาสตร์ Tesseratoma sp. วงศ์ Pentatomidae เป็นสัตว์ตระกูลแมลง |
สีสบ | ริมฝีปาก | |
ลมหัวกุด | ลมบ้าหมู | |
อีตู่ | แมงลัก | ชื่อผักใบมีกลิ่นหอม |
รถซุก | รถเข็น | โคราช เรียก รถไสน้ำ |
หอมบั่ว | หอมแดง | |
ผักขา | ชะอม | |
ขะลำ/คำลำ/กะลำ | เว้น | ป็นคำกิริยา แปลว่า เว้น (อย่างว่า อันไหนเห็นว่าบ่ดีก็ กะลำ ซะ พจนานุกรมภาษาลาว โดย ดร.ทองคำ อ่อนมะนีสอน หน้า ๒๔ ให้ความหมายไว้ดังนี้ “กะลำ น.สิ่งใดที่เฮ็ดลงไปแล้วบ่ดีบ่งาม เกิดโทษเกิดภัย เกิดเสนียดจัญไรแก่ตนและผู้อื่นโบราณเอิ้น กะลำ, คะลำ ขะลำ ก็ว่าอย่างว่า “หัวโล้นอยากลำ หัวดำอยากเทศน์ คะลำ (พาสิด)” |
ห่ง/ฮ่ง | อาการน้ำขัง | |
เอาะเจ๊าะแอ๊ะแจ๊ะ | กระจัดกระจาย, เล็กน้อย, ไม่มาก,เบาบาง | |
อ้าย | พี่ชาย | |
เอื้อย | พี่สาว | |
กะทกรก | เสาวรส | ชื่อวิทยาศาสร์ Passiflora Laurifolia Linn. ตระกูล PASSIFLORACEAE ลักษณะทั่วไป ต้น เสาวรสเป็นไม้เถาเลื้อยขนาดกลาง เถามีสีเขียวเข้มและเมื่อแก่เถาจะเป็นสีน้ำตาล |
หมากส้มมอ | สมอไทย | ชื่อวิทยาศาสตร์: Terminalia chebula Retz. var. chebula ชื่อวงศ์: Combretaceae ไม้ยืนต้น เปลือกและผลส้มมอมีรสฝาดจากสารแทนนิน มีสรรพคุณเป็นยาอายุวัฒนะ และมีวิตามินซีสูง หรือใช้รากเข้าตำรับยารักษาริดสีดวงทวาร |
บักบก | กระบก | บางแห่งเรียก บก กะบก หมากบก ชื่อวิทยาศาสตร์: Irvingia malayana Oliv.ex A.W.Benn. ชื่อวงศ์: IRVINGIACEAE ไม้ยืนต้น เมล็ดใช้เป็นยาพื้นบ้านยาบำรุงข้อ บำรุงกระดูก แก้เส้นเอ็นพิการ ให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย แก้ข้อขัด เนื้อไม้ใช้ในการก่อสร้าง |
หมากค้อ | ตะคร้อ | ชื่อวิทยาศาสตร์: Schleichera oleosa (Lour.) Oken ชื่อวงศ์: SAPINDACEAE ไม้ยืนต้น เนื้อไม้ใช้ในอุตสาหกรรมไม้ ทำฟืนและถ่าน เปลือก ใช้ย้อมสี ใบอ่อน กินเป็นผัก |
หมากต้องแล่ง | นมน้อย | โคราชเรียก “น้ำเต้าน้อย” ชื่อวิทยาศาสตร์ : Polyalthia evecta (Pierre) Finet &Gagnep. วงศ์ : Annonaceae ไม้พุ่ม ราก ต้มน้ำดื่มแก้กล้ามเนื้อท้องเกร็ง บำรุงน้ำนม |
หมากกี่โก่ย | องุ่นป่า | ชื่อสามัญ Common name : องุ่นป่า , เถาเปรี้ยว ชื่อวิทยาศาสตร์ Sciencetific name : Ampelocissus martinii Planch. ชื่อวงศ์ Family name: VITACEAE (VITIDACEAE) ชื่ออื่น Other name: เครืออีโกย (อีสาน) กุ่ย (อุบล) เถาวัลย์ขน (ราชบุรี) ส้มกุ้ง (ประจวบฯ) ตะเปียงจู องุ่นป่า (สุรินทร์) ลักษณะทั่วไป : ไม้เลื้อยล้มลุก ประโยชน์ : ทางอาหาร ยอดอ่อน รับประทานเป็นผักสดมีรสหวานอมเปรี้ยว |
เทิง | บน | |
เฮือน | บ้าน, เรือน | |
นอกซาน | ชานบ้าน |
1.คนเห็นคนเป็นคนนั่นแหละคน คนเห็นคนใช่คนใช่คนไม่
เกิดเป็นคนต้องเป็นคนทุกคนไป จนหรือมีผู้ดีไพร่ไม่พ้นคน”
บทประพันธ์ข้างต้นไม่ปรากฏลักษณะการแต่งแบบใด
เกิดเป็นคนต้องเป็นคนทุกคนไป จนหรือมีผู้ดีไพร่ไม่พ้นคน”
บทประพันธ์ข้างต้นไม่ปรากฏลักษณะการแต่งแบบใด
- การเล่นคำซ้ำ
- การเล่นคำพ้อง
- การใช้สัมผัสสระอักษร
- การใช้ปฏิพากย์
ตอบข้อ 4
จงใช้คำประพันธ์ต่อไปนี้ ตอบคำถามข้อ 2-4
มาทำลายรั้วระวังให้พังราบ มาร่ายเสกมนต์สาปให้หมดเศร้า
มาให้ห่วงคิดถึงทุกค่ำเช้า มาปล้นเอาหัวใจไปหมดแล้ว”
มาให้ห่วงคิดถึงทุกค่ำเช้า มาปล้นเอาหัวใจไปหมดแล้ว”
2.น้ำเสียงของผู้แต่งเป็นอย่างไร
- อาลัย
- จริงจัง
- เพ้อฝัน
- มีความสุข
ตอบข้อ 4
3.ลักษณะการแต่งที่เด่นที่สุดในบทประพันธ์คือข้อใด
- สัมผัสสระ
- สัมผัสอักษร
- การใช้ภาพพจน์
- การใช้กลบท
ตอบข้อ 4
4.บุคคลใดน่าจะเป็นประธานของบทประพันธ์นี้มากที่สุด
- ทหารที่ออกไปรบ
- ขโมย
- นางอันเป็นที่รัก
- พ่อมด
ตอบข้อ 3
จงใช้คำประพันธ์ต่อไปนี้ ตอบคำถามข้อ 5-7
ขอบคุณ...
ขอบคุณสำหรับโรงบุหรี่
ขอบคุณอีกทีกับโรงหวย
ขอบคุณสนามม้าชาติหน้ารวย
ขอบคุณโรงเหล้าด้วยช่วยชาติไทย
ขอบคุณสำหรับโรงบุหรี่
ขอบคุณอีกทีกับโรงหวย
ขอบคุณสนามม้าชาติหน้ารวย
ขอบคุณโรงเหล้าด้วยช่วยชาติไทย
5.ข้อใดเแสดงความรู้สึกของผู้ประพันธ์เด่นชัดที่สุด
- เกลียดชัง
- ประชด
- ชื่นชม
- ยกย่อง
ตอบข้อ 2
6.ผู้แต่งมีจุดมุ่งหมายตามข้อใด
- เตือนให้คิด
- แนะให้ทำ
- ติเตียน
- สั่งสอน
ตอบข้อ 1
7.คำประพันธ์ในข้อใดใช้น้ำเสียงเหมือนกับคำประพันธ์ข้างต้น
- ไทยคงเอกราชด้วย ฝีมือ ไทยเอย
- ขอบคุณไมตรีที่มีให้ ความห่วงใยอาทรแต่ก่อนเก่า
แม้วันนี้ไม่มีทางระหว่างเรา ก็ไม่เศร้าเหงาหรอกใจบอกมา - หนึ่งจะต้องอกหักกับรักแรก สองจะต้องไม่แปลกกับรักใหม่
สามจะต้องผิดหวังทุกครั้งไป สี่จะต้องจำไว้รักคือทุกข์ - จะแน่วแน่แก้ไขในสิ่งผิด จะรักชาติจนชีวิตเป็นผุยผง
จะยอมตายหมายให้เกียรติดำรง จะปิดทองหลังองค์พระปฏิมา
ตอบข้อ 2
จงใช้คำประพันธ์ต่อไปนี้ ตอบคำถามข้อ 8-10
“มิ่งมิตร... เธอมีสิทธิ์ที่จะล่องแม่น้ำรื่น
ที่จะบุกดงดำกลางค่ำคืน ที่จะชื่นใจหลายกับสายลม
ที่จะร่ำเพลงเกี่ยวโลมเรียวข้าว ที่จะยิ้มกับดาวพราวผสม
ที่จะเหม่อมองหญ้าน้ำตาพรม ที่จะขมขื่นลึกโลกหมึกมน”
ที่จะบุกดงดำกลางค่ำคืน ที่จะชื่นใจหลายกับสายลม
ที่จะร่ำเพลงเกี่ยวโลมเรียวข้าว ที่จะยิ้มกับดาวพราวผสม
ที่จะเหม่อมองหญ้าน้ำตาพรม ที่จะขมขื่นลึกโลกหมึกมน”
8.แนวคิดใดไม่ปรากฏในบทประพันธ์นี้
- สิทธิของมนุษย์
- ธรรมชาติของชีวิตที่มีทุกข์มีสุขสลับกัน
- การต่อสู้กับอุปสรรค
- ความยุติธรรมและความถูกต้อง
ตอบข้อ 4
9.ในบทร้อยกรองนี้ กวีวางตนไว้ในฐานะอะไร
- อาจารย์
- เพื่อน
- พระ
- บุคคลอันเป็นที่รัก
ตอบข้อ 2
10.ข้อใดไม่ใช่ลักษณะเด่นของคำประพันธ์ข้างต้น
- ความหมายเชิงสัญลักษณ์ของถ้อยคำ
- ความง่ายและความงามของบทกลอน
- การใช้อุปลักษณ์และบุคคลวัต
- แสดงแนวคิดทางพุทธศาสนา
ตอบข้อ 3
จงใช้คำประพันธ์ต่อไปนี้ ตอบคำถามข้อ 11-14
โหยหวนหวูดหวูดรถไฟ จุดหมายอยู่ไหนในโลกกว้าง
ผ่านหุบเหวทะเลทรายไปตามราง เลื้อยลอดอุโมงค์กว้างอันมืดนาน
เด็กน้อยยองยอง แม่ใช้ไปซื้อของซื้อข้าวสาร
เอาไม้เขี่ยรถไฟบนใบลาน รถไฟคลานเป็น อ.อ่าง ละลานลือ
พลางควานกระเป๋าพบรอยขาด ตรงที่คาดว่าจะมีเหรียญวางทื่อ
ฉันทำความอิ่มหายไปหลายมื้อ เด็กน้อยตีมือกระทืบรถไฟจนแหลกเหลว
ผ่านหุบเหวทะเลทรายไปตามราง เลื้อยลอดอุโมงค์กว้างอันมืดนาน
เด็กน้อยยองยอง แม่ใช้ไปซื้อของซื้อข้าวสาร
เอาไม้เขี่ยรถไฟบนใบลาน รถไฟคลานเป็น อ.อ่าง ละลานลือ
พลางควานกระเป๋าพบรอยขาด ตรงที่คาดว่าจะมีเหรียญวางทื่อ
ฉันทำความอิ่มหายไปหลายมื้อ เด็กน้อยตีมือกระทืบรถไฟจนแหลกเหลว
11.“รถไฟ” ในที่นี้เป็นการใช้ภาพพจน์ประเภทใด
- อุปลักษณ์
- สัญลักษณ์
- บุคคลวัต
- อติพจน์
ตอบ 1
12.“เด็กน้อย” เป็นคนอย่างไร
- ช่างจินตนาการ
- โหดเหี้ยมอำมหิต
- ร่ำรวย
- ไม่ระมัดระวัง
ตอบ 1
13.แนวคิดสำคัญของบทประพันธ์คือ
- ความฝันกับจินตนาการ
- ความยากจนกับความฝัน
- ความยากจนกับจินตนาการ
- ความยากจนกับความไม่ระมัดระวัง
ตอบ 3
14.บทประพันธ์ข้างต้นไม่ปรากฏโวหารภาพพจน์แบบใด
- สัทพจน์
- อุปลักษณ์
- สัญลักษณ์
- บุคคลวัต
ตอบ 3
จงใช้คำประพันธ์ต่อไปนี้ ตอบคำถามข้อ 15-16
เขียนคนด้วยคนใหม่ เขียนหัวใจด้วยไมตรี
เขียนปากด้วยพจี สุจริตจำนรรจา
เขียนสมองและสองมือ ด้วยซื่อสัตย์และศรัทธา
มุ่งมั่นและปัญญา มาเถิดมามาช่วยกัน
เขียนปากด้วยพจี สุจริตจำนรรจา
เขียนสมองและสองมือ ด้วยซื่อสัตย์และศรัทธา
มุ่งมั่นและปัญญา มาเถิดมามาช่วยกัน
15.บทประพันธ์ข้างต้นเป็นสารประเภทใด
- ชวนเชื่อ
- โน้มน้าว
- ให้เหตุผล
- ให้ความรู้
ตอบ 2
16.แนวคิดใดไม่ปรากฏในบทประพันธ์
- โลกสวยด้วยมือเรา
- การพัฒนาตนเอง
- สามัคคีคือพลัง
- ปัญญาประดุจดังอาวุธ
ตอบ 4
จงใช้คำประพันธ์ต่อไปนี้ ตอบคำถามข้อ 17-18
หยุดประเดี๋ยวได้ไหมพายุร้าย หยุดส่งสายสุนีบาตมาข่มขู่
กัมปนาทกราดเกรี้ยวกันเกรียวกรู เพื่อสักครู่เจ้าจะหลั่งซึ่งฝนริน
เติมความรักสักหน่อยนะหัวใจ เติมความหวังไกลอยู่ให้สิ้น
ให้หยัดอยู่คู่ท้าเถื่อนธรนินทร์ เพื่อแผ่นดินจะงดงามด้วยความรัก
กัมปนาทกราดเกรี้ยวกันเกรียวกรู เพื่อสักครู่เจ้าจะหลั่งซึ่งฝนริน
เติมความรักสักหน่อยนะหัวใจ เติมความหวังไกลอยู่ให้สิ้น
ให้หยัดอยู่คู่ท้าเถื่อนธรนินทร์ เพื่อแผ่นดินจะงดงามด้วยความรัก
17.คำประพันธ์ข้างต้นไม่ปรากฏลักษณะการแต่งในข้อใด
- เล่นสัมผัสสระและสัมผัสอักษร
- เล่นคำพ้องความหมาย
- ใช้สัญลักษณ์
- ซ้ำคำย้ำความหมาย
ตอบ 2
18.ผู้แต่งมีจุดมุ่งหมายในข้อใด
- ให้มีความอดทน
- ให้มองโลกในแง่ดี
- ให้มีอุดมการณ์
- ให้กำลังใจ
ตอบ 4
จงใช้คำประพันธ์ต่อไปนี้ ตอบคำถามข้อ 19-20
เป็นสร้อยโสภิศพ้น อุปรมา
โสรมสรวงศิรธิรางค์ เวี่ยไว้
จงคงคู่กัลปา ยืนโยค
หายแผ่นดินฟ้าไหม้ อย่าหาย ฯ
โสรมสรวงศิรธิรางค์ เวี่ยไว้
จงคงคู่กัลปา ยืนโยค
หายแผ่นดินฟ้าไหม้ อย่าหาย ฯ
19.ข้อใดไม่ใช่ลักษณะเด่นของคำประพันธ์ข้างต้น
- การใช้อติพจน์
- การใช้อุปลักษณ์
- การใช้คำอลังการ
- การใช้อุปมา
ตอบ 4
20.บทประพันธ์นี้ต้องการสื่ออะไร
- แสดงความสำคัญของบทกวี
- แสดงความยิ่งใหญ่ของบทกวี
- แสดงความสามารถของกวี
- แสดงความรู้สึกของกวี
ตอบ 4
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น